เปลเด็กกับแบบที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม



หากว่าเอ่ยถึงเปล หลายคนก็ย่อมรู้กันดีอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่จะให้เด็กๆ เอาไว้นอนกัน เพราะเด็กแต่ละคนเมื่อถึงเวลาพักผ่อนแล้ว ก็อยากจะมีอะไรเห่กล่อมให้สามารถหลับได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ดี สำหรับใครที่ปรารถนาให้การนอนพักผ่อนของลูกน้อยมีคุณภาพ มาดูกันดีกว่าไหมว่าเปลเด็กนอนมีแบบใดกันบ้าง 

1.เปลไม้แบบโบราณ 

สำหรับแบบแรกที่อยากจะแนะนำให้ลองใช้กันก็คือเปลไม้แบบโบราณ จุดเด่นของเปลแบบนี้ก็คือคุณจะสามารถเลือกได้อย่างที่ใจต้องการเลยทีเดียวว่าอยากให้ลูกนอนบริเวณใดกันแน่ เพราะว่าบริเวณแต่ละบริเวณคือจุดที่จะต้องใส่ใจ เช่นลมนั้นมีพัดผ่านหรือไม่ อากาศถ่ายเทสะดวกหรือไม่ มีมดมีแมลงหรือไม่ โดยหากว่ามีข้อบกพร่องใดๆ ก็ตาม คุณแม่อาจจะต้องย้ายที่ตั้งเปลเด็ก โดยข้อดีของเปลไม้โบราณอีกประการหนึ่งก็คือ คงทนถาวร ยิ่งหากว่าเลือกแบบไม้สักด้วยแล้วก็ยิ่งราคาถูกมากขึ้นไปอีกเลยทีเดียว 

2.เปลทำเอง 

นอกจากเปลโบราณที่ทำจากไม้แบบแรกแล้ว เปลแบบที่สองก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ไม่แพ้กัน โดยเปลทำเองมีข้อดีก็คือสามารถจะทำให้คุณใช้เงินในการซื้อน้อยที่สุด ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าใช้แค่ผ้าผืนเดียวก็สามารถทำได้แล้วนั่นเอง เปลแบบโบราณนี้จะว่าดีก็มีข้อดีอย่างน่าทึ่ง ซึ่งก็คือเด็กที่นอนในเปลแบบทำเองจะศีรษะสวย กลมมน ในขณะที่เวลาเอาไปเห่กล่อมก็สามารถหลับได้แบบง่ายๆ อีกด้วย 

3.เปลลูกกรงเหล็ก 

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีงบประมาณสูงมาก หรืออยากให้ลูกน้อยนอนแบบสบายๆ ก็อาจจะใช้เปลลูกกรงเหล็ก จุดเด่นคือราคาแม้สูงแต่คงทนมาก มีลูกอีกสองหรือสามคนก็ยังสามารถใช้ต่อๆ กันได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ดี สำหรับเปลลูกกรงเหล็กนั้นต้องระมัดระวังไม่ให้ซี่ลูกกรงใหญ่เกินไป จนลูกของเราเอาศีรษะลอดออกมาได้ เพราะผลที่เกิดขึ้นก็คือลูกของคุณอาจจะมีปัญหาในแง่ต่างๆ เช่นเอาหัวลอดออกมาแล้ว หลอดลมติดลูกกรงเหล็ก จนขาดใจตายได้เลยทีเดียว 

และนี่ก็คือเปลเด็กกับแบบที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม นอกจากเปลจะเป็นองค์ประกอบสำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญตามมาไม่แพ้กันก็คือการใช่เพลงหรืออากาศที่บริสุทธิ์ ผ่อนคลายมาช่วยให้น้องๆ หนูๆ หลับได้อย่างสบายอารมณ์ หรือหากลูกน้อยของใครนอนหลับยากก็อาจจะมีของเล่นเพิ่มเติมเช่นกัน การมีของเล่นเพิ่มเติมจะทำให้หลับเร็วขึ้น สุดท้ายอย่าลืมกางมุ้งให้ลูกน้อยด้วย เพื่อให้เกิดความสบายไม่โดนแมลงกัดนั่นเอง